menu
Logo

เงื่อนไขและข้อตกลงในการให้บริการ

เงื่อนไขและข้อตกลงในการให้บริการ

เงื่อนไขและข้อตกลงในการให้บริการ

ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการให้บริการ สำหรับรถโดยสารประจำทาง
ช่องทางจำหน่ายตั๋วโดยสาร
1.ลูกค้าสามารถใช้บริการได้ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้
1.1 จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารแฟร์แฟร์ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสาร หรือ สำนักงานเดิมของกรีนบัส ซึ่งดูแลโดยแฟร์แฟร์
1.2 เว็บไซต์ www.fairfair.co.th
1.3 Call Center 053-142-888
1.4 กล่องข้อความ Facebook page : Greenbusthailand
1.5 แอปพลิเคชัน fairfair 
หมายเหตุ : กรณีเส้นทาง 152 ลำปาง-เชียงใหม่ สามารถจองตั๋วโดยสารได้ผ่านช่องทาง ต่อไปนี้เท่านั้น
- Call Center 053-266-480
- กล่องข้อความ Facebook page : Greenbusthailand
- แอปพลิเคชัน GreenBus 
- จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารแฟร์แฟร์ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่(อาเขต)แห่งที่ 2, สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดลำปาง และสำนักงานแฟร์แฟร์ สาขาดอยติ (ประตูโขง)

2.เงื่อนไขการออกตั๋วโดยสาร
2.1 การซื้อตั๋วโดยสารก่อนเวลารถออกจากสถานีต้นทางนั้น ๆ น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ชั่วโมง ไม่มีค่าธรรมเนียมพิเศษ
ตัวอย่าง กรณีผู้โดยสารซื้อตั๋วโดยสาร ณ สถานีบริการ เพื่อเดินทางจาก ลำปาง ไป น่าน โดยทำการจองผ่านรถเส้นทางเชียงใหม่-น่าน หากทำรายการซื้อตั๋วโดยสารก่อนรถออกจากสถานีลำปาง น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ชั่วโมง ไม่มีค่าธรรมเนียมพิเศษ เป็นต้น
2.2 การซื้อตั๋วโดยสารล่วงหน้า ก่อนเวลารถออกจากสถานีต้นทางนั้น ๆ มากกว่า 1 ชั่วโมงขึ้น มีค่าธรรมเนียมซื้อตั๋วล่วงหน้า ตามช่องทางจำหน่ายตั๋วที่บริษัทกำหนด
2.3 การเลือกระบุที่นั่ง มีค่าธรรมเนียมการเลือกที่นั่ง ตามช่องทางจำหน่ายตั๋วที่บริษัทกำหนด
2.4 การซื้อตั๋วโดยสารล่วงหน้า สามารถซื้อได้ล่วงหน้า 60 วัน นับจากวันที่ทำรายการ

3. การเลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงตั๋วโดยสาร
3.1 การเลื่อนตั๋วโดยสารแบบ ระบุวันเดินทาง มีค่าธรรมเนียมเลื่อนตั๋วต่อตั๋วโดยสาร 1 ใบ
3.2 การเลื่อนตั๋วโดยสารแบบ ไม่ระบุวันเดินทาง มีค่าธรรมเนียมเลื่อนตั๋วต่อตั๋วโดยสาร 1 ใบ (ลูกค้าต้องระบุวันเดินทางภายใน 30 วัน นับจากวันที่ทำรายการเลื่อน  และต้องระบุวัน เดินทางก่อนเวลารถออกจากต้นทาง ภายใน 24 ชั่วโมง)
3.3 บริษัทสงวนสิทธิ์ในการเลื่อนตั๋วโดยสารได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น
3.4 เงื่อนไขการเลื่อนตั๋วโดยสาร
3.4.1 ระยะเวลาในการเลื่อนตั๋วข้อ 3.1 และ 3.2 ผู้โดยสารต้องแจ้งก่อนเวลารถออกจากสถานีต้นทางตามเส้นทางเดินรถเที่ยวนั้น ๆ ไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง 
ตัวอย่าง หากผู้โดยสารซื้อตั๋วโดยสารเดินทางจาก ลำปาง ไป น่าน โดยทำการจองผ่านรถเส้นทางเชียงใหม่-น่าน ต้องแจ้งเลื่อนตั๋วโดยสารล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง ก่อนรถออกจากสถานีต้นทางที่เชียงใหม่ (ลำปาง คือ สถานีจุดจอดระหว่างทาง) เป็นต้น
3.4.2 กรณีแจ้งเลื่อนตั๋วโดยสาร น้อยกว่า 24 ชั่วโมง ทางบริษัทไม่สามารถดำเนินการให้ได้
3.4.3 การเลื่อนตั๋วโดยสารข้อ 3.1 และ 3.2 ต้องระบุวันเดินทางใหม่ภายใน 30 วันนับจากวันที่ทำรายการเท่านั้น
3.4.4 การเปลี่ยนแปลงตั๋วโดยสารใหม่ หากประเภทรถ หรือที่นั่งมีราคาสูงกว่าตั๋วโดยสารเดิม ผู้โดยสารต้องชำระค่าส่วนต่างเพิ่มเติม ในกรณีที่ตั๋วโดยสารใหม่มีราคาต่ำกว่าตั๋วโดยสารเดิม บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินส่วนต่างราคานี้
3.5 ขั้นตอนการเลื่อนตั๋วโดยสารและเอกสารที่ต้องเตรียม
3.5.1 ติดต่อทำรายการได้ที่ช่องทางสถานีและสำนักงานขายแฟร์แฟร์ เท่านั้น
3.5.1.1 แสดงหลักฐานการเดินทาง
3.5.1.2 ต้นฉบับหรือสำเนาบัตรประชาชนของผู้เดินทาง
3.5.1.3 ต้นฉบับหรือสำเนาบัตรประชาชนของผู้ดำเนินการแทน
3.5.2 การเลื่อนตั๋วโดยสารผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.fairfair.co.th และแอปพลิเคขัน FairFair
3.5.2.1 การเลื่อนแบบระบุวัน
เข้าสู่ระบบด้วย อีเมล์ และคลิกเลือกเมนู “การจองของฉัน”
A. ตรวจสอบและค้นหา เพื่อเลือกเที่ยวการเดินทางของลูกค้า
B. คลิกเมนู “เปลี่ยนวันเดินทาง”
C. หน้าจอแสดง “เลือกตัวเลือกเพื่อเปลี่ยนวันเดินทางของคุณ” 
D. ลูกค้าต้องระบุเลือกคลิก
- เปลี่ยนวันเดินทาง, ระบุวัน
- คลิก “ส่ง” เมื่อคลิก “ส่ง”  หน้าจอจะแสดงให้เลือกวันเดินทาง (ใหม่)  และเมื่อระบุวันเดินทางแล้วกด “ตกลง” และให้คลิก “ค้นหา”
E. เมื่อค้นหาหน้าจอแสดง เที่ยวและเวลาที่มีให้บริการ ณ วันที่เลือก
F. คลิกเมนู “จองเลย” หน้าจอแสดงรายละเอียดผู้โดยสาร ทั้งหมด
G. คลิกระบุ “เลือกที่นั่ง” สำหรับเที่ยวเวลาการเดินทาง (ใหม่) และกดเครื่องหมายกากบาท (มุมขวาบน) เพื่อปิดการระบุที่นั่ง หน้าจอจะแสดงให้
F. เลือกวิธีการชำระเงิน และตรวจสอบเพื่อทำการ คลิก “ฉันยอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัว และเงื่อนไข” 
I. กดคลิก “ดำเนินการต่อ” หน้าจอแสดงการชำระเงินของคุณสำเร็จแล้ว กดคลิก “ดำเนินการต่อ” หน้าจอแสดงรายละเอียดสรุปข้อมูลการเลื่อน สำเร็จ
J. ตรวจสอบอีเมล์ การแจ้งเตือน “การเลื่อนตั๋วสำเร็จ”
K. อีเมล์แสดงข้อมูลการเลื่อนตั๋วสำเร็จและแนบเอกสาร ตั๋วโดยสาร/ใบรับฝากชำระ เพื่อนำไปแสดงในการเดินทาง ณ จุดขึ้นรถโดยสาร
3.5.2.2 การเลื่อนแบบไม่ระบุวัน
เข้าสู่ระบบด้วย อีเมล์ และคลิกเลือกเมนู “การจองของฉัน”
A. ตรวจสอบและค้นหา เพื่อเลือกเที่ยวการเดินทางของลูกค้า 
B. คลิกเมนู “เปลี่ยนวันเดินทาง” 
C. หน้าจอแสดง “เลือกตัวเลือกเพื่อเปลี่ยนวันเดินทางของคุณ”  
D. ลูกค้าต้องระบุเลือกคลิก เปลี่ยนวันเดินทาง - ไม่ระบุวัน 
E. เลือกวิธีการชำระเงิน เมื่อทำการชำระเงินสำเร็จ หน้าจอแสดงการชำระเงินของคุณสำเร็จแล้ว กดคลิก “ดำเนินการต่อ”   F. หน้าจอแสดงรายละเอียดสรุปข้อมูลการเลื่อนไม่ระบุวันที่ สำเร็จ
G. ตรวจสอบอีเมล์ การแจ้งเตือน “การเลื่อนตั๋วไม่ระบุวัน สำเร็จ” 
H. อีเมล์แสดงข้อมูลการเลื่อนตั๋วไม่ระบุวันสำเร็จ และแนบเอกสาร ตั๋วโดยสาร/ใบรับฝากชำระ เพื่อนำไปแสดงในการระบุวันตั๋วเลื่อน ณ จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารแฟร์แฟร์ เว็บไซต์ www.fairfair.co.th และแอพพลิเคชั่น FairFair
หมายเหตุ : ลูกค้าต้องระบุวันเดินทางภายใน 30 วัน นับจากวันที่ทำรายการเลื่อน  และต้องระบุวัน เดินทางก่อนเวลารถออกจากต้นทาง ภายใน 24 ชั่วโมง เช่น เส้นทางเดินรถ ต้นทางเชียงใหม่ปลายทางน่าน ลูกค้าซื้อตั๋ว จาก สถานีขนส่งจังหวัดลำปาง ปลายทางจังหวัดน่าน นับเวลาต้นทางที่ จังหวัดเชียงใหม่
3.5.2.3 การระบุวันเดินทางกรณีลูกค้าทำการเลื่อนเปลี่ยนวันเดินทางแบบ “ไม่ระบุวันที่” (ข้อ3.5.2.2)
A. เมื่อเข้าสู่ระบบผ่านเว็บไซต์ หรือแอพพลิเคชั่น FairFair ให้เลือกเมนู “การจองของฉัน”
B. หน้าจอจะแสดงประวัติการซื้อ และข้อมูลเที่ยวเวลาการเดินทาง ให้ทำการค้นหาและตรวจสอบสถานะ Holding และเลือกเพื่อทำการระบุวันเดินทาง 
C. เมื่อเลือกรายการ Holding (โดยเป็นการแสดงสถานะให้ระบุวันเดินทาง ตามเงื่อนไขของบริษัทฯ)    
D. หน้าจอแสดงวันหมดอายุ และรายละเอียดผู้โดยสาร ให้กดคลิก “กรุณาเลือกวันเดินทางใหม่”     
E. หน้าจอแสดงให้ระบุวันเดินทางใหม่ กด “ตกลง” และกด “ค้นหา”  
F. หน้าจอแสดงเที่ยวรถโดยสาร เลือกเที่ยวรถที่ต้องการ และกด “จองเลย”
G. หน้าจอแสดงรายละเอียดผู้โดยสาร คลิกระบุ “เลือกที่นั่ง” สำหรับเที่ยวเวลาการเดินทาง (ใหม่) และกดเครื่องหมายกากบาท (มุมขวาบน) เพื่อปิดการระบุที่นั่งหน้าจอจะแสดงรายละเอียดข้อมูลการเดินทาง 
H. การระบุวันเดินทางใหม่ ลูกค้าจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ตรวจสอบรายการให้ถูกต้อง จากนั้นกดคลิก “ฉันยอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัว และเงื่อนไข” 
I. กดคลิก “ดำเนินการต่อ” หน้าจอแสดงการชำระเงินของคุณสำเร็จแล้ว กดคลิก “ดำเนินการต่อ” หน้าจอแสดงรายละเอียดสรุปข้อมูลระบุวันเดินทาง สำเร็จ
J. ตรวจสอบอีเมล์ การแจ้งเตือน “ระบุวันเดินทางสำเร็จ”  
K. อีเมล์แสดงข้อมูลการระบุวันเดินทางสำเร็จ และแนบเอกสารตั๋วโดยสาร/ใบรับฝากชำระ เพื่อนำไปแสดงในการเดินทาง ณ จุดขึ้นรถโดยสาร
3.6 การเปลี่ยนแปลงข้อมูลผู้โดยสาร
3.6.1 ลูกค้าสามารถเปลี่ยนแปลง ชื่อ –สกุล เบอร์โทรศัพท์ หรือข้อมูลสำคัญอื่น ๆ ได้ เฉพาะกรณีที่มีการกรอก หรือ แจ้งข้อมูลผิด แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลการเดินทางเป็นผู้อื่นได้ โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งในการเปลี่ยนแปลงข้อมูล มีค่าธรรมเนียมเปลี่ยนแปลงข้อมูลรายครั้งตามราคาตั๋วโดยสาร
3.7 ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงข้อมูลตั๋วโดยสารและเอกสารที่ต้องเตรียม
3.7.1 ติดต่อทำรายการที่จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารแฟร์แฟร์ ณ สถานีขนส่ง หรือ สำนักงานขายแฟร์แฟร์
3.7.1.1 แสดงหลักฐานการเดินทาง
3.7.1.2 บัตรประชาชนหรือสำเนาของผู้เดินทาง
3.7.1.3 บัตรประชาชนหรือสำเนาของผู้ดำเนินการแทน
3.7.1.4 แจ้งข้อมูลที่ต้องการเปลี่ยน พร้อมชำระค่าธรรมเนียมเปลี่ยนแปลงข้อมูลตามที่ระบุในข้อ 3.5 
3.7.2 ทำรายการผ่านเว็บไซต์ www.fairfair.co.th และ แอปพลิเคชัน FairFair
3.7.2.1 เข้าสู่ระบบด้วย อีเมล์
3.7.2.2 เลือกคลิกเมนู “การจองของฉัน”
3.7.2.3 หน้าจอแสดงรายการรหัสอ้างอิง เที่ยวการเดินทางที่ลูกค้าซื้อ และลูกค้าทำการค้นหาและเลือกรายการที่ต้องการแก้ไขข้อมูล
3.7.2.4 กดคลิกรายการการเดินทางที่ต้องการแก้ไข หน้าจอแสดงรายละเอียดผู้โดยสาร กดคลิก “แก้ไขผู้โดยสาร “
3.7.2.5 หน้าจอแสดง แก้ไขผู้โดยสาร ลูกค้าสามารถแก้ไขคำนำหน้า , ชื่อ-นามสกุล , อีเมล์ , เบอร์โทรยกเว้นเลขที่บัตรประชาชน
3.7.2.6 ตรวจสอบข้อมูลการแก้ไขผู้โดยสาร และเลือกวิธีการชำระเงิน  ทำการชำระเงินสำเร็จ 
3.7.2.7 หน้าจอแสดง “การชำระเงินของคุณสำเร็จแล้ว” และกดคลิก “ดำเนินการ”
3.7.2.8 หน้าจอแสดงสรุป การแก้ไขผู้โดยสารสำเร็จ  ลูกค้าจะได้รับอีเมล์ยืนยัน การแก้ไขข้อมูลสำเร็จ
3.7.2.9 ตรวจสอบอีเมล์ แสดงรายละเอียดการแก้ไขข้อมูล พร้อมแนบเอกสารตั๋วโดยสาร/ใบรับฝากชำระ
3.7.2.10 ลูกค้าสามารถแสดงรายละเอียด หรือหลักฐานข้อ 3.7.2.9. ให้แก่พนักงานประจำสถานีที่ให้บริการ ณ จุดเดินทางได้
3.8 ช่องทางการติดต่อเลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงตั๋วโดยสารมี 3 ช่องทาง
3.8.1 จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารแฟร์แฟร์ ณ สถานีขนส่ง หรือ สำนักงานขายแฟร์แฟร์ 
3.8.2 เว็บไซต์ www.fairfair.co.th
3.8.3 แอปพลิเคชัน FairFair

4.การออกตั๋วโดยสารใหม่ (พิมพ์ตั๋วโดยสารใหม่)
4.1 กรณีทำตั๋วโดยสารสูญหาย ฉีกขาด ลืมนำมาแสดงก่อนขึ้นรถโดยสาร และกรณีที่ซื้อแล้วมาออกตั๋วอีกสถานีหนึ่ง ฯลฯ มีค่าธรรมเนียมพิมพ์ตั๋วใหม่ต่อตั๋วโดยสาร 1 ใบ
4.2 กรณีเครื่องพิมพ์มีปัญหาขณะทำรายการ ไฟฟ้าดับ ระบบล่ม หรือกรณีอื่นที่บริษัทไม่สามารถออกตั๋วโดยสารให้ในขณะซื้อตั๋วโดยสารได้ ฯลฯ ไม่เสียค่าธรรมเนียมพิมพ์ตั๋วใหม่

5.เงื่อนไขการยกเลิกตั๋วโดยสาร
5.1 ตั๋วโดยสารทุกประเภทไม่สามารถยกเลิกได้ เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้
5.2 กรณีเกิดเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ต้องงดเที่ยววิ่ง ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัทซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ภัยพิบัติทางธรรมชาติ, สถานการณ์ทางการเมือง, อุบัติเหตุ, การนัดหยุดงานของพนักงาน เป็นต้น สามารถยกเลิกตั๋วได้ ไม่เสียค่าธรรมเนียม
5.3 กรณีผู้โดยสารเกิดเหตุฉุกเฉิน เจ็บป่วย ประสบอุบัติเหตุ ต้องยื่นเอกสารประกอบการขอยกเลิกตั๋วโดยสาร เช่น ใบรับรองแพทย์ แสดงเป็นหลักฐานภายใน 3 วัน นับจากวันเดินทางที่ระบุในตั๋วโดยสาร มิฉะนั้นถือว่าสละสิทธิ์การเดินทาง (ชื่อผู้เดินทางต้องตรงกับชื่อที่ระบุภายในเอกสาร) โดยการขอยกเลิกตั๋วโดยสารจะเสียค่าธรรมเนียมยกเลิกตั๋วโดยสารตามราคาตั๋วโดยสาร ตามที่บริษัทกำหนด

6.เงื่อนไขการคืนเงิน
6.1 กรณีเกิดเหตุสุดวิสัยทำให้บริษัทต้องงดเที่ยววิ่งตามที่ระบุในข้อ 5.2 บริษัทคืนค่าโดยสารเต็มจำนวน แต่ไม่รวมค่าธรรมเนียมบริการ
6.2 กรณีบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงเที่ยววิ่ง ประเภทรถโดยสาร มีเงื่อนไขการคืนเงิน ดังนี้
6.2.1 ตั๋วโดยสารใหม่มีราคาต่ำกว่า ตั๋วโดยสารเดิม บริษัทคืนค่าโดยสารส่วนต่าง แต่ไม่รวมค่าธรรมเนียมบริการ
6.2.2 หากลูกค้าไม่ประสงค์เดินทางต่อในเที่ยววิ่งใหม่ที่บริษัทเปลี่ยนแปลง สามารถแจ้งติดต่อพนักงานบริการสถานีเพื่อทำการยกเลิกตั๋วโดยสารและรับเงินคืนได้ทันที โดยบริษัทมีนโยบายคืนเงินค่าโดยสาร และค่าประกันการเดินทาง (กรณีผู้โดยสารซื้อประกันการเดินทาง) แต่ไม่รวมค่าธรรมเนียมบริการ 
6.2.3 ระยะเวลาในการติดต่อขอรับเงินคืน กำหนดภายใน 30 วันทำการ หากเลยระยะเวลาที่กำหนด บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงิน
6.3 กรณีระบบการจองตั๋วโดยสารไม่สำรองที่นั่ง ที่เกิดจากข้อผิดพลาดของระบบการจอง และ/หรือระบบการชำระเงินของทางบริษัทและแฟร์แฟร์ และ/หรือการชำระเงินที่ไม่ตรงตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด ผู้โดยสารสามารถติดต่อเพื่อแจ้งขอคืนเงินการจองตั๋วโดยสารไม่สำรองที่นั่ง (ยอดเงินเต็มจำนวนตามที่ชำระ) ได้ผ่านช่องทางที่ระบุในข้อ 1.1, 1.3 และ 1.4 ภายใน 30 วันนับแต่วันทำรายการ หากเลยระยะเวลาที่กำหนดบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงิน  โดยบริษัทจะดำเนินการคืนเงินให้แก่ผู้โดยสารภายใน 20 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง
6.4 กรณีผู้โดยสารไม่มาใช้สิทธิ์ในการเดินทางตามวันและเวลาที่ระบุในตั๋วโดยสาร และ/หรือ ไม่แจ้งสาเหตุในการขอยกเลิกตั๋วโดยสารตามที่ระบุไว้ในข้อ 5 ถือว่าสละสิทธิ์ในการเดินทาง บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินทุกกรณี
6.5 กรณีผู้โดยสารแจ้งยกเลิกตั๋วโดยสารตรงตามเงื่อนไขที่ระบุในข้อ 5.3 โดยแจ้งผ่านช่องทางที่ระบุในข้อ 3.6.1 บริษัทจะดำเนินการคืนเงินภายใน 30 วันทำการ นับแต่ได้รับทราบคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องครบถ้วนแล้ว โดยคืนเงินผ่านทางบัญชีธนาคารของผู้โดยสารที่ได้แจ้งไว้แก่บริษัท

7.ขั้นตอนการคืนเงิน
7.1 ติดต่อเจ้าหน้าที่ หรือ พนักงานบริการผ่านช่องทางตามที่ระบุไว้ในข้อ 3.6
7.2 ส่งมอบเอกสารที่ใช้ในการขอยกเลิก หรือ คืนค่าตั๋วโดยสาร
7.2.1 ตั๋วโดยสารตัวจริง 
7.2.2 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง ของผู้เดินทาง (ชื่อตรงตามตั๋วโดยสาร) 
7.2.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง ของผู้ทำรายการแทน (กรณีผู้อื่นมาทำรายการแทน
7.2.4 สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก (ชื่อตรงตามตั๋วโดยสาร)
7.2.5 เอกสารใบรับรองแพทย์ (กรณียกเลิกตั๋วโดยสาร) 
7.2.6 หลักฐานการชำระเงินค่าตั๋วโดยสาร

8.สิทธิลดหย่อนค่าโดยสาร
ผู้โดยสารที่ได้รับสิทธิลดหย่อนค่าโดยสาร ตามเงื่อนไขของกรมการขนส่งทางบก สามารถซื้อตั๋วโดยสารได้ที่จุดจำหน่ายตั๋ว ณ สถานีขนส่ง และ/หรือสำนักงานแฟร์แฟร์ และ/หรือตัวแทนของกรีนบัส เท่านั้น พร้อมแสดงหลักฐาน
8.1 เด็กที่มีความสูงไม่เกิน 130 ซม. (ในกรณีไม่แต่งกายชุดนักเรียน) รวมถึงชาวต่างชาติสามารถใช้สิทธิได้
8.2 เด็กนักเรียนในเครื่องแบบ ระดับชั้น ไม่เกิน ม.3
8.3 คนพิการทุพลภาพที่เห็นเป็นประจักษ์ หรือ คนพิการทุพลภาพที่ถือบัตรสมาชิกสมาคมคนพิการสมาคมใดสมาคมหนึ่ง
8.4 พระภิกษุ สามเณรทั้งชาวไทยและต่างชาติต้องแสดงหลักฐาน (ใช้สิทธิ์ได้เฉพาะแม่ชีหรือภิกษุณีที่อุปสมบทที่ประเทศศรีลังกาเท่านั้น)
8ู้.5 ถือบัตรประจำตัวข้าราชการ ทหาร ตำรวจ – ผู้ถือบัตรประจำตัวนักเรียนโรงเรียนพลทหาร พลตำรวจ (ต้องแต่งเครื่องแบบในขณะเดินทาง)
8.6 ผู้ถือบัตรเจ้าหน้าที่ขนส่งระดับ 1 
8.7 ผู้ถือบัตรหรือเหรียญตราของทางราชการที่มีระเบียบระบุไว้ว่า มีสิทธิได้รับการลดค่าโดยสารรถโดยสารประจำทางครึ่งราคา ประกอบด้วย
8.7.1 ผู้ถือบัตรประจำตัวเหรียญชัยสมรภูมิและทายาท
8.7.2  ผู้ถือบัตรประจำตัวเหรียญงานพระราชสงครามในทวีปยุโรป
8.7.3  ผู้ถือบัตรประจำตัวเหรียญราชการชายแดน
8.7.4 ผู้ถือบัตรประจำตัวเหรียญพิทักษ์เสรีชน
8.7.5 ผู้ถือบัตรประจำตัวทหารผ่านศึกนอกประจำการ บัตรชั้นที่ 1-4

9.เงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนค่าโดยสาร (ไม่รวมค่าธรรมเนียมบริการ) และไม่สามารถใช้สิทธิ์ร่วมกับส่วนลดอื่น ๆ ได้ทุกกรณี 
9.1 การใช้สิทธิลดหย่อนค่าโดยสารชื่อผู้โดยสารที่เดินทางต้องตรงกับชื่อที่ระบุในตั๋วโดยสารและบัตรส่วนลด เท่านั้น
9.2 กรณีตั๋วโดยสารที่ใช้สิทธิลดหย่อนค่าโดยสาร จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลผู้เดินทางเป็นบุคคลอื่นในทุกกรณี
9.3 กรณีบัตรสิทธิลดหย่อนค่าโดยสารของผู้โดยสารใกล้หมดอายุ และต้องการซื้อบัตรโดยสารล่วงหน้า แต่วันที่เดินทางเป็นวันที่หมดอายุตามหน้าบัตร ผู้โดยสารสามารถทำรายการได้ตามปกติโดยสิทธินับจากวันที่ซื้อตั๋วโดยสารเป็นหลัก
9.4 กรณีผู้โดยสารต้องการใช้สิทธิลดหย่อนค่าโดยสาร แต่ให้ผู้แทนมาติดต่อซื้อตั๋วโดยสารแทน โดยมิได้นำบัตรสิทธิลดหย่อน ฯ มาแสดง บริษัทขอสงวนสิทธิ์งดจำหน่ายตั๋วลดหย่อนค่าโดยสารให้ เว้นแต่มีหลักฐานบัตรสิทธิลดหย่อน ฯ ตัวจริงมาแสดงเท่านั้น
9.5 กรณีบัตรสิทธิลดหย่อนหมดอายุ ในช่วงขณะดำเนินการขอบัตรใหม่ ผู้ซื้อต้องแสดงเอกสารหลักฐานการขอบัตรตัวจริง อายุไม่เกิน 60 วันเท่านั้น หากไม่มีเอกสารดังกล่าวมาแสดง บริษัทขอสงวนสิทธิ์งดจำหน่ายตั๋วลดหย่อนค่าโดยสารให้ทุกกรณี
9.6 กรณีผู้แทนทำรายการซื้อตั๋วโดยสารให้แทน ณ จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารจุดอื่น ๆ แล้วให้ผู้โดยสารมาติดต่อรับตั๋วโดยสาร ณ จุดจำหน่ายตั๋วอีกจุดหนึ่ง มีค่าธรรมเนียมการออกตั๋วใหม่ต่อตั๋วโดยสาร 1 ใบ

10.เงื่อนไขการชำระเงิน
10.1 การชำระค่าโดยสารผ่านระบบ QR Code ทุกช่องทางจำหน่าย มีค่าธรรมเนียมชำระเงิน 10 บาทต่อหนึ่งใบเสร็จ
10.2 การชำระค่าโดยสารผ่าน Counter Service มีค่าธรรมเนียมชำระเงิน 5% ต่อหนึ่งใบเสร็จ

11.เงื่อนไขการเดินทาง
11.1 ผู้โดยสารต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 กฎกระทรวงและกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง
11.2 ผู้โดยสารต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้บริการของบริษัท ฯ และรับทราบ รวมถึงยอมรับเงื่อนไขตามประกาศ เรื่องการเดินทางสำหรับผู้โดยสาร ตามที่ระบุ ณ ที่นี้แล้ว
11.3 ผู้โดยสารต้องเตรียมความพร้อม และมาถึง ณ สถานีขนส่งผู้โดยสาร ก่อนเวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบตั๋วโดยสาร
11.4 เอกสารหลักฐานที่ใช้ยืนยันการเดินทาง
11.4.1 ตั๋วโดยสาร (ฉบับจริง) และ/หรือ E-ticket
11.4.2 ตั๋วโดยสารที่พิมพ์ในกระดาษ A4 แสดงโลโก้ Green Bus และ FairFair 
11.4.3 รายละเอียดการเดินทาง แจ้งผ่านอีเมล์, รายการจองของฉัน ช่องทางเว็บไซต์ และแอพพลิเคชั่น FairFair 
11.4.4 ใบเสร็จรับเงิน หรือสลิปที่ชำระผ่าน Counter service (7 – 11)
11.4.5 SMS แจ้งผ่านระบบสื่อสาร เช่น โทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่ระบุรายละเอียดการเดินทาง 
11.4.6 รูปถ่ายจากหน้าจอ (Screenshot) แสดงข้อมูลตั๋วโดยสารชัดเจน
11.5 ข้อกำหนดขณะโดยสาร
11.5.1 ไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารพกพาอาวุธ วัตถุระเบิด วัตถุไวไฟ สิ่งผิดกฎหมาย ขึ้นรถ
11.5.2 ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยง หรือสิ่งมีชีวิตทุกประเภทขึ้นรถหรือร่วมเดินทางไปด้วย (ตาม พ.ร.บ. ขนส่งทางบก พ.ศ.2522)
11.5.3 ไม่อนุญาตให้ดื่มสุราหรือสิ่งมึนเมาทุกชนิด และสูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้าบนรถโดยสาร (กรณีดื่มสุรามาก่อนขึ้นรถ หากมีอาการมึนเมาจนอาจเป็นเหตุรบกวนผู้อื่น ขอสงวนสิทธิ์พิจารณาไม่อนุญาตให้ขึ้นรถ)
11.5.4 กรุณาคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งตลอดการเดินทาง (ตาม พ.ร.บ. ขนส่งทางบก พ.ศ.2522 / ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 5,000 บาท)
11.5.5 ขอความร่วมมือ งดใช้เสียงดัง และปิดเสียงโทรศัพท์เปลี่ยนเป็นระบบสั่น เพื่อไม่รบกวนผู้โดยสารท่านอื่น
11.5.6 กรณีผู้โดยสารไม่มาใช้สิทธิ์เดินทางตามวัน เวลาที่ระบุในตั๋วโดยสารที่ได้ตกลงกันไว้ ถือว่าสละสิทธิ์ ในการเดินทางดังกล่าว
11.5.7 การปฏิเสธไม่ให้ขึ้นรถ
11.5.7.1 พฤติกรรม สถานะ อายุ หรือสภาวะทางจิตและทางกายของผู้โดยสาร หรือสัมภาระของผู้โดยสารมีลักษณะเห็นได้ชัดว่าจะก่อให้เกิดอันตราย หรือทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวผู้โดยสารเอง หรือบุคคลอื่น หรือต่อทรัพย์สินของผู้อื่น หรือรถโดยสาร หรือทำให้ผู้โดยสารเป็นที่รังเกียจของผู้โดยสารท่านอื่น
11.5.7.2 ท่านยังไม่ได้ชำระค่าโดยสาร
11.6 ข้อกำหนดการนำสัมภาระติดตัวในการเดินทาง
11.6.1 ทางบริษัท กำหนดให้ผู้โดยสารสามารถมีสัมภาระโหลดไว้ใต้ท้องรถได้ไม่เกิน 2 ชิ้น ต่อคน และมีน้ำหนักรวมไม่เกิน 20 กิโลกรัม โดยจะมีใบกำกับสัมภาระติดกับกระเป๋า และอีกส่วนหนึ่งมอบให้แก่ผู้โดยสาร
11.6.2 กรณีสัมภาระมีน้ำหนักเกินกว่ากำหนด บริษัทขอเรียกเก็บค่าระวางเพิ่มเติม โดยคิดเฉพาะส่วนที่น้ำหนักเกิน และใช้เกณฑ์การคิดค่าระวาง เป็นมาตรฐานเดียวกับ บริการส่งพัสดุด่วน ของบริษัท
11.6.3 บริษัทไม่รับฝากสัมภาระที่เป็นพัสดุต้องห้ามตามที่ระบุไว้ใน ข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการการส่งพัสดุด่วน หากถูกตรวจพบบริษัทไม่รับผิดชอบกรณีสัมภาระเสียหาย และ/หรือสูญหายทุกกรณี เช่น วัตถุไวไฟ, วัตถุอันตราย, สินค้าผิดกฎหมาย, อาวุธสงคราม, สินค้าเปราะบาง แตกหักง่าย, สินค้าเน่าเสียง่าย, อาหารมีกลิ่นฉุน, สินค้าบรรจุของเหลวทุกชนิด, วัตถุที่หีบห่อไม่เรียบร้อย,หรือวัตถุที่มีขนาดใหญ่และหนักเกินกว่าจะทำการขนส่งได้ เป็นต้น
11.6.4 ทางบริษัท ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเกี่ยวกับการรับหรือไม่รับสัมภาระบางประเภท โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า แต่หากผู้โดยสารยืนยันที่จะโหลดสัมภาระนั้นไว้ใต้ท้องรถ บริษัทจะไม่รับผิดชอบกรณีสัมภาระเสียหาย และ/หรือสูญหายทุกกรณี และหากสัมภาระนั้นก่อให้เกิดความเสียหายแก่สัมภาระของผู้อื่น และ/หรือรถโดยสาร ผู้โดยสารจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในความเสียหายดังกล่าวตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงทั้งสิ้น
11.6.5 เมื่อเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง ผู้โดยสารต้องแสดงใบกำกับสัมภาระส่วนที่บริษัทได้ให้ไว้แก่ผู้โดยสารต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นหลักฐานในการรับสัมภาระ
11.7 บริษัทไม่ต้องรับผิดชอบต่อผู้โดยสารและสัมภาระ อันเนื่องมาจากความล่าช้าที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุมของบริษัท และ/หรือความเสียหายโดยเสื่อมสภาพในตัวเอง ฯลฯ

12. เงื่อนไขการจอดรับผู้โดยสารระหว่างทาง ตามเงื่อนไขพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มีดังนี้
12.1 มาตรฐาน VIP, VX, ปรับอากาศชั้น 1 (Express) จะบริการจอดรับผู้โดยสารเฉพาะจุดจอดของกรีนบัส 
12.2 มาตรฐานปรับอากาศชั้น 1 และปรับอากาศชั้น 2 จะบริการจอดรับผู้โดยสารระหว่างทางทุกจุด ในเส้นทางกรีนบัส

13. บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและข้อกำหนดการใช้บริการ โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า โดยบริษัททำการประกาศผ่านทางเว็บไซต์หรือช่องทางประชาสัมพันธ์ออนไลน์ของบริษัท หลังจากวันที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงข้อกําหนดและเงื่อนไข จะถือว่าผู้ใช้บริการได้ยอมรับข้อกําหนดและเงื่อนไขที่มีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว 

14. บริษัทถือว่าผู้โดยสารได้ตกลงและยอมรับเงื่อนไขและข้อกำหนดการใช้บริการ ของบริษัททั้งที่มีอยู่แล้ว และที่อาจจะมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือมีเพิ่มเติมในภายภาคหน้าแล้ว

15. เงื่อนไขและข้อกำหนดนี้อยู่ภายใต้บังคับและตีความตามกฎหมายไทย ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากบริการ หรือความขัดแย้งระหว่างผู้ใช้บริการและบริษัทที่เกี่ยวกับบริการ จะอยู่ภายใต้บังคับของศาลไทย 

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ประกาศนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

               บริษัท ชัยพัฒนาขนส่งเชียงใหม่ จำกัด เลขทะเบียนนิติบุคคล 0505555003558 สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 107/2        หมู่ที่ 4 ถนนเชียงใหม่ – สันทราย ตำบลหนองป่าครั่ง อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50000 รวมถึงกลุ่ม        บริษัท กรีนแคปปิตอล จำกัด และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของบริษัท ชัยพัฒนาขนส่งเชียงใหม่ จำกัด ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกรวมว่า บริษัท ทำการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย (เรียกรวมกันว่า“การประมวลผลข้อมูล) เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมไปถึงประกาศ และ/หรือ กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง บริษัทจึงจัดทำ และเผยแพร่คำประกาศฉบับนี้ขึ้น เพื่อชี้แจง และแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงวิธีการในการปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนแนวทางการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ดังนี้

1. คำนิยาม

“บริษัท” หมายถึง บริษัท ชัยพัฒนาขนส่งเชียงใหม่  จำกัด รวมถึงกลุ่มบริษัท กรีนแคปปิตอล จำกัด และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของบริษัท ชัยพัฒนาขนส่งเชียงใหม่ จำกัด

“กลุ่มบริษัท กรีนแคปปิตอล จำกัด” หมายถึง บริษัทที่อยู่ในกลุ่มของบริษัท กรีนแคปปิตอล จำกัด ประกอบด้วย บริษัท กรีนแคปปิตอล จำกัด บริษัท ชัยพัฒนาขนส่งเชียงใหม่ จำกัด บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด  บริษัท โชครุ่งทวีทัวร์ จำกัด และบริษัท แฟร์แฟร์ จำกัด รวมถึงบริษัท ห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล ธุรกิจอื่นใดที่อาจมี    และ/หรือจดทะเบียนขึ้นในภายภาคหน้าด้วย

“ท่าน” หรือ “เจ้าของข้อมูล” หมายถึง ตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น โดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะหมายถึงบุคคลธรรมดาเท่านั้น ไม่รวมถึงนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เช่น บริษัท ห้างหุ้นส่วน สมาคม มูลนิธิ หรือองค์กรอื่นใด

“นโยบาย” หมายถึง นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ชัยพัฒนาขนส่งเชียงใหม่ จำกัด

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

ข้อมูลที่มีความอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลอันรวมไปถึงแต่ไม่จำกัดเพียงแต่ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ เช่น ข้อมูลจำลองใบหน้า ข้อมูลจำลองม่านตา หรือข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ เป็นต้น

“การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง การเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ประมวลผลข้อมูล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตามคำสั่งหรือในนามของบริษัท

“บุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดา

2. ขอบข่ายนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทใช้กับบุคคลดังต่อไปนี้

  1. บุคคลที่ได้ติดต่อกับบริษัทไม่ว่าจะเป็น เคยเป็น หรืออาจเป็นลูกค้าหรือผู้ใช้บริการของบริษัทต่อไป หรือ 

    1. พนักงาน บุคลากร เจ้าหน้าที่ ผู้รับมอบอำนาจ ผู้แทน ตัวแทน ผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้ติดต่อ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคล คณะบุคคล ที่ได้ติดต่อกับบริษัท ไม่ว่าจะเป็น เคยเป็น หรืออาจเป็นลูกค้า หรือผู้ใช้บริการของบริษัทต่อไป 

    2. บุคคลที่ได้ติดต่อกับบริษัทไม่ว่าจะเป็น เคยเป็น หรืออาจเป็นคู่ค้า หรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท  หรือ 

    3. พนักงาน บุคลากร เจ้าหน้าที่ ผู้แทน ผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้ติดต่อ ตัวแทน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคล คณะบุคคล ที่ได้ติดต่อกับบริษัท ไม่ว่าจะเป็น เคยเป็น หรืออาจเป็นคู่ค้าหรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทต่อไป

    4. ผู้สมัครงาน ผู้สมัครฝึกงาน และบุคคลอ้างอิง

    5. พนักงาน ผู้ค้ำประกัน นักศึกษาฝึกงาน และสมาชิกในครอบครัวของพนักงานของบริษัท

    6. ผู้เข้าชมหรือใช้งานเว็บไซต์ www.greenbusthailand.com  รวมทั้งช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ แอปพลิเคชั่น สื่อสังคมออนไลน์หรือแหล่งอื่นๆ ของบริษัท

3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท เก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผย ในการเก็บรวบรวมและเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและจำกัดเพียงเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์การดำเนินงานของบริษัท ดังต่อไปนี้

  1. ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด เลขบัตรประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง ลายมือชื่อ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สถานภาพสมรส ตำแหน่ง อาชีพ สังกัด หมายเลขพาสปอร์ตหรือหมายเลขบัตรที่ระบุตัวตนอื่น หรือเอกสารราชการอื่นๆ ที่สามารถระบุตัวตนได้ เป็นต้น

    1. ข้อมูลสำหรับติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล นามบัตร สถานที่ทำงาน เป็นต้น

      1. ข้อมูลรูปภาพ เช่น ข้อมูลภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวของตัวท่านหรือทรัพย์สินของท่านซึ่งได้รวบรวมจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด กล้องถ่ายภาพเมื่อมีการเข้าในพื้นที่บริษัท ภาพเคลื่อนไหวของตัวท่านหรือทรัพย์สินของท่านซึ่งได้จากกล้องวงจรปิดบนรถโดยสาร เป็นต้น

      2. ข้อมูลบัญชีผู้ใช้งานบริการบนแพลตฟอร์ม เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้งาน รหัสผ่าน เป็นต้น

      3. ข้อมูลทางการเงิน เช่น ข้อมูลบัญชีธนาคาร สำเนาสมุดบัญชี เลขบัตรเครดิต ข้อมูลวงเงินบัตรเครดิต ข้อมูลการทำธุรกรรมรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือสินค้าและบริการที่ท่านซื้อ ราคา วิธีการชำระเงิน และรายละเอียดการชำระเงิน รายได้ เป็นต้น

      4. ข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อสินค้าและบริการ เช่น ประวัติการสั่งซื้อ ความสนใจในการซื้อและบริการผลิตภัณฑ์ หมายเลขการสั่งซื้อ หมายเลขคำร้องขอ เป็นต้น

      5. ข้อมูลการเดินทาง เช่น ข้อมูลรถ ข้อมูลเที่ยวบิน ข้อมูลโรงแรม ข้อมูลทัวร์ ข้อมูลการเช่ารถ ที่ท่านใช้บริการ ข้อมูลสำหรับการบริการเฉพาะสำหรับท่านที่ต้องการเลขที่นั่ง บันทึกข้อมูลผู้โดยสารในการเดินทาง หมายเลขบัตรโดยสาร หมายเลขใบกำกับภาษี เป็นต้น

      6. ข้อมูลที่ได้จากระบบอัตโนมัติหรืออุปกรณ์ต่างๆ เช่น หมายเลข IP Address Cookie พฤติกรรมการใช้บริการ ประวัติการใช้บริการ เสียง ภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว บัญชี Social Media Chat Geolocation เป็นต้น

      7. ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน ได้แก่ วันที่เริ่มงาน หน่วยงานที่สังกัด ปีที่ทำงาน ตำแหน่ง ประวัติการดำรงตำแหน่งงาน การรับรองและการอ้างอิงการจ้างงาน หมายเลขประจำตัวพนักงาน เงินเดือนค่าจ้างและสวัสดิการ ประวัติการปรับเงินเดือน บันทึกการปฏิบัติงานและข้อมูลทางด้านวินัยพนักงาน วันที่เลิกจ้าง ประเภทของการเลิกจ้าง การบันทึกเวลาทำงาน และประวัติการลา หมายเลขบัญชีธนาคาร รายละเอียดการติดต่อในกรณีฉุกเฉิน รายละเอียดผู้รับผลประโยชน์ประกันชีวิตของพนักงาน(ถ้ามี) ข้อมูลประวัติการศึกษา และผลการเรียน ข้อมูลการเรียนรู้และการพัฒนา ข้อมูลรูปภาพ ประวัติการทำงาน ผลประโยชน์อื่นที่มิใช่ค่าตอบแทนจากการทำงาน ข้อมูลเกี่ยวข้องกับการทำประกัน ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลในครอบครัว บันทึกการประชุมและความเห็น เป็นต้น

            โดยบริษัท จะดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อน ยกเว้นในกรณีดังต่อไปนี้

  • ปฏิบัติตามสัญญา กรณีการเก็บรวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อความจำเป็นต่อการให้บริการหรือปฏิบัติตามสัญญาระหว่างเจ้าของข้อมูลและบริษัท

  • เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพ

  • เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย

  • เพื่อผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท กรณีมีความจำเป็นเพื่อใช้ประโยชน์อันชอบธรรมในการดำเนินงานของบริษัท โดยบริษัทจะพิจารณาถึงสิทธิของเจ้าของข้อมูลเป็นสำคัญ เช่น เพื่อป้องกันการฉ้อโกง การรักษาความปลอดภัยในระบบเครือข่าย ป้องกันสิทธิเสรีภาพ และประโยชน์ของเจ้าของข้อมูล เป็นต้น

  • เพื่อการศึกษาวิจัยหรือสถิติ กรณีที่มีการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล

  • เพื่อปฏิบัติภารกิจของรัฐ กรณีมีความจำเป็นต่อการปฏิบัติตามภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะดูการปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจรัฐที่ บริษัทได้รับมอบหมาย

4. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
บริษัทอาจจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีความอ่อนไหว เช่น ศาสนา เชื้อชาติ ข้อมูลชีวภาพ (การสแกนใบหน้า การสแกนลายนิ้วมือ) ข้อมูลความพิการ ข้อมูลสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม โดยบริษัทจะทำการขอคำยินยอมจากท่านทุกครั้งในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว เว้นแต่
4.1 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล ซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถให้ความยินยอมได้ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม
4.2 เป็นการดำเนินกิจกรรมโดยชอบด้วยกฎหมายที่มีการคุ้มครองที่เหมาะสมของมูลนิธิ สมาคม หรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการเมือง ศาสนา ปรัชญา หรือสหภาพแรงงาน ให้แก่สมาชิกผู้ซึ่งเคยเป็นสมาชิก หรือผู้ซึ่งมีการติดต่ออย่างสม่ำเสมอกับมูลนิธิ สมาคม หรือองค์กร ที่ไม่แสวงหากำไรตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวโดยไม่ได้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นออกไปภายนอกมูลนิธิ สมาคม หรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรนั้น
4.3 เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความยินยอมโดยชัดแจ้งของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
4.4 เป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติหรือการใช้สิทธิ์เรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
4.5 เป็นการจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับ
    4.5.1 เวชศาสตร์ป้องกันหรืออาชีวเวชศาสตร์ การประเมินความสามารถในการทำงานของลูกจ้าง การวินิจฉัยโรคทางการแพทย์ การให้บริการด้านสุขภาพหรือด้านสังคม การรักษาทางการแพทย์ การจัดการด้านสุขภาพ ในกระบวนการให้บริการด้านสังคมสงเคราะห์
     4.5.2 ประโยชน์ด้านสาธารณสุข เช่น การป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาด
    4.5.3 การคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิตามกฎหมาย การคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หรือการคุ้มครองทางสังคมซึ่งจำเป็นในการปฏิบัติตามสิทธิหรือหน้าที่ของบริษัทหรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานและประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
      4.5.4 การศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สถิติ หรือประโยชน์สาธารณะอื่น
      4.5.5 ประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
บริษัทไม่ประสงค์ที่จะเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ที่อายุต่ำกว่า 10 ปี กรณีที่ผู้เยาว์มีอายุต่ำกว่า 10 ปี ประสงค์จะติดต่อ ใช้งานเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น รับบริการ หรือทำสัญญาใดๆกับบริษัท ซึ่งมีข้อกำหนดให้ผู้เยาว์ต้องส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัท ต้องให้บิดามารดาหรือผู้ใช้อำนาจปกครองของผู้เยาว์เป็นผู้ดำเนินการในนามของผู้เยาว์

ในกรณีเป็นผู้เยาว์ที่มีอายุเกิน 10 ปี แต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและไม่สามารถดำเนินการเรื่องใดได้เองตามกฎหมาย และในการดำเนินการนั้นบริษัทต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ บริษัทอาจขอความยินยอมดังกล่าวจากบิดามารดาหรือผู้ใช้อำนาจปกครองของผู้เยาว์นั้นโดยตรง หรืออาจขอให้ผู้เยาว์แจ้งต่อบิดามารดาหรือผู้ใช้อำนาจปกครองเพื่อให้ความยินยอมสำหรับการดำเนินการในเรื่องนั้นๆแก่บริษัท

5. แหล่งที่มาของข้อมูล
5.1 ข้อมูลจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง ที่ท่านได้ให้ไว้ในกิจกรรมต่างๆ เช่น ช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น หรือช่องทางอื่นของบริษัท การเข้า-ออก ภายในบริษัท การซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากทางบริษัท การจัดอบรม การจัดซื้อจัดจ้าง การทำธุรกรรมแบบออนไลน์และออฟไลน์ การตอบโต้ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์(e-mail) การกรอก/ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างบริษัท และท่าน
5.2 ข้อมูลจากบุคคลที่สามที่มีความเกี่ยวข้อง เช่น ญาติ คนในครอบครัว เป็นต้น
5.3 ข้อมูลจากระบบอัตโนมัติ เช่น ภาพจากกล้องวงจรปิด เป็นต้น
5.4 ข้อมูลจากแหล่งอื่น เช่น ข้อมูลสาธารณะ ข้อมูลจากหน่วยงานพันธมิตร หน่วยราชการ หรือ กลุ่มบริษัท กรีนแคปปิตอล จำกัด ตลอดจนข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ที่ผู้ใช้บริการได้มอบไว้ให้

6. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้หรือตามวัตถุประสงค์อื่นๆ ที่แจ้งขณะเก็บรวบรวมข้อมูลหรือที่ท่านได้ให้ความยินยอมหลังจากบริษัท ดำเนินการเก็บข้อมูลไปแล้ว
6.1 เพื่อเข้าทำสัญญา หรือปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาระหว่างบริษัทกับเจ้าของข้อมูล หรือปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคลภายนอกเพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูล
6.2 ใช้ข้อมูลในการยืนยันตัวตนลูกค้า
6.3 เพื่อให้ข้อมูล แนะนำสินค้า ผลิตภัณฑ์ การบริการ ประชาสัมพันธ์ทางการตลาด รายการส่งเสริมการขาย หรือสิทธิประโยชน์ผ่านช่องทางการติดต่อที่ได้รับจากเจ้าของข้อมูล
6.4 เพื่อจัดส่งสินค้าและให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการหรือข้อร้องเรียนต่างๆ
6.5 ใช้ในการดำเนินกิจการ ประเมินผล และปรับปรุงธุรกิจ เพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ
6.6 ดำเนินกิจกรรมใดๆ ทางบัญชีและการเงิน เช่น การตรวจสอบบัญชี การแจ้งและเรียกเก็บหนี้ การออกใบกำกับภาษี และหลักฐานการดำเนินธุรกรรมต่างๆ ที่กฎหมายกำหนด เป็นต้น
6.7 เพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เช่น การบันทึกเสียงการร้องเรียนผ่านระบบ Call Center การบันทึกภาพผ่านกล้อง CCTV การบันทึกเข้า-ออกภายในบริษัท
6.8 การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของบริษัท
6.9 การสมัครงาน การเป็นพนักงานและ/หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง
6.10 ใช้ในการสอบสวนและปฏิบัติตามกฎหมาย ก็บังคับ หรือหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท
6.11 ตอบสนองต่อคำขอของท่าน เช่น การให้บริการหลังการขาย การรับเรื่องร้องเรียน เป็นต้น
6.12 อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ผู้ใช้บริการ
6.13 จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับโปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย แนะนำธุรกิจพันธมิตร เป็นต้น
6.14 สำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ วิจัยตลาด และวิเคราะห์ทางสถิติ เพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ
6.15 วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่ได้รับคำยินยอมชัดแจ้งจากท่าน

7. บุคคลหรือหน่วยงานที่อาจได้รับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบริษัท
บริษัทอาจต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลหรือหน่วยงานอื่นที่อยู่ในหรือต่างประเทศเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งฉบับนี้ ได้แก่
7.1 กลุ่มบริษัท กรีนแคปปิตอล จำกัด 
7.2 พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท เช่น พันธมิตรทางธุรกิจด้านการขนส่งทางบก การขนส่งทางอากาศ และการขนส่งทางราง การท่องเที่ยว โรงแรม รถเช่า การตลาด สถาบันการเงิน บริษัทรับประกันภัย หรือประกันชีวิต หรือบุคคลใดๆ ที่มีส่วนกับการทำรายการส่งเสริมการขายหรือโปรแกรมการเป็นลูกค้าอย่างต่อเนื่อง (Loyalty Program) การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้ร่วมให้บริการแพลตฟอร์ม หรือบุคคลที่มีชื่อหรือตราสัญลักษณ์ปรากฏอยู่ในสัญญา เว็บไซต์ หรือช่องทางการให้บริการอื่นๆ ของบริษัท
7.3 บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัท เช่น ผู้ประกอบการขนส่งผู้โดยสารทั้งประจำทางและไม่ประจำทาง สายการบิน ผู้ให้บริการภาคพื้นที่ให้บริการด้านการเช็คอิน และการจัดการสัมภาระ บริการการรับ-จ่ายสินค้า และบริการการจัดส่งสินค้า การดำเนินการด้าน call center ผู้ที่ทำหน้าที่ในฐานะตัวกลางในการทำธุรกรรมต่างๆ ของบริษัท ผู้ร่วมให้บริการกับบริษัท ผู้ให้บริการภายนอก(Outsource) ผู้รับจ้างดำเนินการหรือผู้ขายสินค้าหรือบริการให้แก่บริษัท หรือตัวแทนของบริษัท ทั้งในและต่างประเทศที่บริษัทเป็นคู่สัญญาด้วย เช่น ผู้ให้บริการพัฒนาโครงสร้าง ผู้ให้บริการโครงสร้างทางเทคนิค ผู้ให้บริการพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และคลังสินค้า ผู้ให้บริการคลาวด์ (Cloud) ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้ให้บริการจัดงานและกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น
7.4 บุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด บริษัทอาจต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ ข้อบังคับต่างๆ หรือคำสั่งของหน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล หรือในกรณีที่บริษัทเชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อปกป้องสิทธิของบริษัท หรือบุคคลอื่น เพื่อความปลอดภัยของบุคคลอื่น เพื่อป้องกัน ตรวจสอบ หรือจัดการเกี่ยวกับการทุจริต ความมั่นคง หรือความปลอดภัยในด้านต่างๆ เช่น หน่วยงานภาษีอากร หน่วยงานบริหารเงินกองทุน การประกันสังคม สถาบันการเงิน เป็นต้น
7.5 ที่ปรึกษาด้านต่างๆ ของบริษัท เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย การเงิน เทคนิค และผู้สอบบัญชี เป็นต้น
7.6 ผู้รับโอนสิทธิหรือหน้าที่จากบริษัท หรือรับโอนสิทธิเรียกร้องของบริษัท ซึ่งรวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างองค์กร การโอนกิจการ การลงทุน การควบรวมกิจการ การซื้อหรือขายทรัพย์สิน หุ้น หรือกิจการ โดยบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าว จะปฏิบัติตามหนังสือฉบับนี้ด้วย
7.7 บุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับท่าน เช่น ผู้รับผลประโยชน์ บุคคลที่มีอำนาจกระทำการแทน ผู้ค้ำประกัน เป็นต้น
7.8 สมาคม องค์กร ชมรม และหน่วยงานต่างๆ เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์พนักงาน บริษัทการบินไทย จำกัด สมาคมสโมสรพนักงานการบินไทย เป็นต้น
7.9 เว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก กูเกิล หรืออินสตาแกรม เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทจะกำหนดให้บุคคลหรือหน่วยงานที่ได้รับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต้องปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลของท่านตามนโยบายของบริษัท และตามกฎหมาย บริษัทจะอนุญาตให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้และตามคำสั่งการของบริษัทเท่านั้น

8. การส่งต่อและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะไม่เปิดเผย และ/หรือ ส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังหน่วยงานภายนอก เว้นแต่ได้รับคำยินยอมจากแจ้งจากท่าน หรือเป็นไปตามกรณีดังต่อไปนี้ 
8.1 เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ระบุในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ บริษัทอาจจำเป็นต้องเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลเฉพาะเท่าที่จำเป็นแก่คู่ค้า ผู้ให้บริการ หรือหน่วยงานภายนอก ดังต่อไปนี้
8.1.1 ธุรกิจคู่ค้า และธุรกิจพันธมิตร
8.1.2 ตัวแทน หรือคู่ค้าที่ให้บริการแก่บริษัท หรือดำเนินการใดๆ ในฐานะตัวแทนของบริษัท เช่น ผู้ให้บริการขนส่ง ผู้ให้บริการเก็บและทำลายเอกสาร ผู้รับจ้างทำกิจกรรมทางการตลาดและสื่อโฆษณา ผู้รับจ้างพัฒนาและดูแลระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ตรวจสอบบัญชี ทนายความ ที่ปรึกษากฎหมายหรือภาษี เป็นต้น
8.1.3 หุ้นส่วนทางธุรกิจ
8.1.4 ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต เป็นต้น
8.2 บริษัทอาจเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่กลุ่มบริษัท กรีนแคปปิตอล จำกัด โดยจะเป็นการประมวลผลข้อมูลภายใต้วัตถุประสงค์ที่ระบุในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เท่านั้น
8.3 กฎหมายหรือกระบวนการทางกฎหมายบังคับให้เปิดเผยข้อมูล หรือเปิดเผยต่อเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่รัฐ หรือหน่วยงานที่มีอำนาจเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำขอที่ชอบด้วยกฎหมาย

9. การถ่ายโอนหรือส่งต่อข้อมูลไปยังต่างประเทศ
ในบางกรณีบริษัทอาจส่งข้อมูลของท่านไปยังต่างประเทศ เช่น ในกรณีที่บริษัทติดต่อกับผู้รับบริการที่อยู่ต่างประเทศ หรือหน่วยงานภายนอกที่อยู่ต่างประเทศ กรณีเช่นนี้ บริษัทจะส่งข้อมูลของท่านไปยังต่างประเทศก็ต่อเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
9.1 ประเทศปลายทางหรือองค์กรระหว่างประเทศที่รับข้อมูลได้รับการวินิจฉัยจากคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลว่ามีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ
9.2 หน่วยงานต่างประเทศที่รับข้อมูลอยู่ภายใต้นโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
9.3 บริษัทและหน่วยงานต่างประเทศได้จัดให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมสามารถบังคับตามสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ รวมทั้งมีมาตรการเยียวยาทางกฎหมายที่มีประสิทธิภาพตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด เช่น ข้อสัญญามาตรฐาน ประมวลวิธีปฏิบัติ มาตรฐานที่ได้รับการรับรอง เป็นต้น
9.4 เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการใช้สิทธิตามกฎหมาย
9.5 ได้รับความยินยอมจากท่าน โดยท่านได้รับทราบถึงมาตรฐานการคุ้มครองส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอของประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว
9.6 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น
9.7 เป็นการกระทำตามสัญญาระหว่าง บริษัทกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่าน
9.8 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่าน หรือบุคคลอื่น เมื่อท่านไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้
9.9 เป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ

10. การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์หรือบริการอื่นๆ
บริษัทอาจมีลิงค์เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์หรือการบริการอื่นๆภายนอก ซึ่งบริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการปฏิบัติหรือการกระทำด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือเนื้อหาของเว็บไซต์หรือบริการเหล่านั้น บริษัทขอแนะนำให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจคำชี้แจงหรือนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของแต่ละเว็บไซต์หรือบริการเหล่านั้น และนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทจะใช้กับข้อมูลส่วนบุคคลที่รวบรวมโดยบริษัทเท่านั้น

11. ระบบเว็บไซต์ที่บริษัทใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
ในการเข้าใช้งานระบบเว็บไซต์ของบริษัท บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลบางอย่างจากการใช้งานของท่านโดยอัตโนมัติ เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในหนังสือฉบับนี้ เช่น บริษัทจะนำข้อมูลที่คุกกี้และเทคโนโลยีซึ่งคล้ายคลึงกันได้บันทึกหรือเก็บรวบรวมไว้ไปใช้ในการวิเคราะห์เชิงสถิติ หรือในกิจกรรมอื่นของระบบเว็บไซต์หรือกิจการของบริษัท เพื่อช่วยให้บริษัทสามารถมอบประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์แก่ท่าน รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพของการให้บริการระบบเว็บไซต์ของบริษัทให้ดียิ่งขึ้น

12. คุกกี้ (Cookie)
คุกกี้ คือไฟล์ขนาดเล็กที่ประกอบไปด้วยข้อมูลซึ่งได้รับการดาวน์โหลดลงในอุปกรณ์ของท่าน เมื่อท่านได้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัท บริษัทใช้คุกกี้เพื่อจดจำข้อมูลความพึงพอใจของท่าน เพื่อจัดเก็บข้อมูลการจองและการซื้อของท่าน และเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินการของเว็บไซต์ หากท่านยังต้องการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราโดยไม่มีการเปลี่ยนเบราว์เซอร์หรือการตั้งค่าอุปกรณ์ของท่านที่ควบคุมคุกกี้ ถือว่าท่านยอมรับในการรับคุกกี้เมื่อท่านใช้บริการบนเว็บไซต์ของเรา

13. มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทได้จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะอยู่ในรูปแบบเอกสารหรือในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือรูปแบบใดก็ตาม 

14. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาเท่าที่ข้อมูลนั้นมีความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการรวบรวมข้อมูลเท่านั้น ตามรายละเอียดที่กำหนดไว้ในนโยบาย ประกาศหรือตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เมื่อพ้นระยะเวลาและข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสิ้นความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว บริษัทจะทำการทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวตนได้ต่อไป ตามรูปแบบและมาตรฐานการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ดี ในกรณีที่มีข้อพิพาท การใช้สิทธิหรือคดีความอันเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปจนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่ส่ง

15. การให้บริการโดยบุคคลที่สามหรือผู้ให้บริการช่วง
บริษัทอาจมีการมอบหมายหรือจัดซื้อจัดจ้างบุคคลที่สาม ให้ทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของบริษัท ซึ่งบุคคลที่สามดังกล่าวอาจเสนอบริการในลักษณะต่างๆ เช่น การเป็นผู้ดูแล (Hosting) รับงานบริการช่วง (Outsourcing) หรือเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ (Cloud computing service/provider) หรือเป็นงานในลักษณะการจ้างทำของในรูปแบบอื่น

การมอบหมายให้บุคคลที่สามทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น บริษัทจะจัดให้มีข้อตกลงระบุสิทธิและหน้าที่ของบริษัทในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและของบุคคลที่บริษัทมอบหมายในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงกำหนดรายละเอียดประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมอบหมายให้ประมวลผล รวมถึงวัตถุประสงค์ ของเขตในการประมวลข้อมูลส่วนบุคคล และข้อตกลงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามขอบเขตที่ระบุในข้อตกลงและตามคำสั่งของบริษัทเท่านั้น โดยสามารถประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้

ในกรณีที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีการมอบหมายผู้ให้บริการช่วง (ผู้ประมวลผลช่วง) เพื่อทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะกำกับให้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจัดให้มีเอกสารข้อตกลงระหว่างผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ประมวลผลช่วงในรูปแบบและมาตรฐานที่ไม่ต่ำกว่าข้อตกลงระหว่างบริษัทกับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

16. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านสามารถขอใช้สิทธิ์ต่างๆ ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด และตามที่ระบุไว้ในประกาศฉบับนี้ได้ดังต่อไปนี้
16.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่ มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ทั้งนี้ การถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท ก่อนหน้าแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย
16.2 สิทธิในการขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เดี๋ยวกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
16.3 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลบุคคลให้เป็นปัจจุบัน ถูกต้อง สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งนี้ การแก้ไขดังกล่าว บริษัทสามารถดำเนินการได้แม้ท่านจะไม่ร้องขอ 
16.4 สิทธิในการขอลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ในกรณีดังต่อไปนี้
16.4.1 เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
16.4.2 เมื่อท่านถอนความยินยอมในการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและบริษัท ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อไป
16.4.3 เมื่อท่านคัดค้านการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะปฏิเสธได้ เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีเหตุโดยชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธคำขอของท่าน
16.5 สิทธิในการขอรับหรือขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีที่บริษัทได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ เว้นแต่ โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้ หรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หรือการใช้สิทธิละเมิดต่อสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น
16.6 สิทธิในการขอคัดค้าน ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อใดก็ได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
16.6.1 กรณีที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งบริษัทดำเนินการภายใต้ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เว้นแต่บริษัทได้แสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
16.6.2 เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
16.6.3 เพื่อการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่บริษัทมีความจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท
16.7 ท่านมีสิทธิในการขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีดังต่อไปนี้
16.7.1 เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านได้ขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
16.7.2 เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลาย
16.7.3 เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวหมดความจำเป็น เนื่องจากท่านมีความจำเป็นที่ต้องขอให้เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
16.7.4 เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการพิสูจน์สิทธิในการปฏิเสธคำขอการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
16.8 ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หากบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

17. การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว
บริษัทอาจแก้ไขเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัวโดยจะประกาศบนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชั่น(Application)  พร้อมระบุวันที่แก้ไขเพิ่มเติมครั้งล่าสุด บริษัทแนะนำให้ท่านตรวจสอบนโยบายนี้เป็นประจำ โดยการที่ท่านใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท ต่อไปหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวจะถือว่าท่านยอมรับนโยบายที่เปลี่ยนแปลงนั้นแล้ว

18. ช่องทางการติดต่อ
หากท่านมีข้อสงสัยหรือมีความประสงค์จะแก้ไข ลบข้อมูล ใช้สิทธิอื่นใดตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือติดต่อเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับข้อมูลของท่าน สามารถติดต่อได้ที่

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือผู้คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท ชัยพัฒนาขนส่งเชียงใหม่  จำกัด
107/2 หมู่ที่ 4 ถนนเชียงใหม่ – สันทราย ตำบลหนองป่าครั่ง อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50000
โทร: 053 - 266480
อีเมล์: servicecenter@greenbusthailand.com

ข้าพเจ้าได้อ่านและเข้าใจข้อกำหนดและเงื่อนไขในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล 
จาก ประกาศนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว ข้าพเจ้า

                              

Green Bus
[x]
เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ greenbusthailand.com ของท่านที่ดีกว่าเดิม ในการใช้งานเว็บไซต์ของเรา ถือว่าท่านยอมรับการใช้คุกกี้
ตกลง